เกิดอุบัติเหตุรถเสียหายหนักเกินเยียวยา จะขอทุนประกันภัยรถยนต์ได้หรือไม่?

สำหรับการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นเป็นสิ่งที่เราไม่อาจคาดเดาได้อยู่แล้ว และความเสียหายก็ยิ่งเป็นสิ่งที่เรามิอาจรู้ได้เลยเช่นกันว่าจะรุนแรงขนาดไหน กรณีที่อุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้รถยนต์ของเราเกิดความเสียหายอย่างหนักหน่วง จนยากต่อการซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานเหมือนเดิมได้ อาจใช้คำเรียกว่าสภาพกลายเป็น “ซากของรถ” ไปแล้ว กรณีแบบนี้หากทำประกันภัยรถยนต์เอาไว้ เรามีสิทธิ์ไปขอทุนประกันคืนได้หรือไม่ มาพบคำตอบกัน

การขอทุนประกันคืนกรณีรถเสียหายหนัก

กรณีรถประสบอุบัติเหตุและมีการเสียหายทางทรัพย์สิน(รถยนต์)อย่างหนัก จนไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ จำเป็นต้องขายซากรถที่พังนั้นทิ้งไป กรณีแบบนี้ผู้ที่ทำประกันภัยรถยนต์ สามารถที่จะขอทุนที่ทำประกันรถเอาไว้คืนจากบริษัทประกันได้ โดยทางบริษัทประกันจะมีเกณฑ์การพิจารณาความเสียหายอยู่ 2 กรณีคือ

  1. กรณีค่าซ่อมแซมสูงกว่า 70% ของราคารถ : ยกตัวอย่างเช่น รถราคา 1 ล้านบาท บริษัทประกันประเมินค่าซ่อมแล้วว่าจะสูงอยู่ที่ประมาณ 75% แน่นอน กรณีแบบนี้บริษัทประกันก็จะทำการคืนเงินทุนประกันภัยรถยนต์ให้กับคุณ โดยถ้าเป็นไปตามกรณีตัวอย่างนี้คือค่าซ่อม 75% นั่นหมายความว่าคุณจะได้เงินคืน 75% ของราคารถ คือ 750,000 นั่นเอง
  2. กรณีรถซ่อมแซมไม่ได้เลย : หากรถเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้กลายเป็นซากรถเปล่า ๆ กรณีนี้ทางบริษัทประกันก็จะคืนทุนประกันให้ผู้ทำประกันเช่นกัน

สิ่งที่ต้องรู้สำหรับผู้ที่จะขอทุนประกันคืนก็คือ หลังจากดำเนินการขอทุนประกันคืนแล้ว เจ้าของรถก็จะต้องดำเนินการขายซากรถนั้นให้กับบริษัทประกันให้ถูกต้องด้วย ตรงนี้เป็นกระบวนการหนึ่งที่กรมธรรม์ประกันรถของทุกค่ายทุกบริษัทจะทำเหมือน ๆ กัน เป็นระเบียบปฏิบัติอย่างหนึ่ง ซึ่งพอขายซากรถให้บริษัทประกันแล้ว กรมธรรม์ประกันรถก็จะถือเป็นอันสิ้นสุดลงอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั่นเอง

หากรถเสียหายไม่ถึง 70% ต้องดำเนินการอะไรหรือไม่

กรณีรถประสบอุบัติเหตุรถเสียหายมากพอสมควร แต่ประเมินแล้วว่าไม่น่าจะถึง 70% ของราคารถ สิ่งที่คุณควรจะต้องดำเนินการมีอยู่ 2 กรณีด้วยกัน

  1. กรณีความเสียหายไม่เกิน 30% ของราคารถ : หากความเสียหายเกิดขึ้นไม่มากนัก พอที่จะแก้ได้ ก็ให้เคลมประกันไปตามปกติได้เลย เหมือนกรณีรถชนเกิดอุบัติเหตุแล้วเคลมประกันทั่วไป บริษัทประกันจะดำเนินการจ่ายสินไหมชดเชยต่าง ๆ ให้ตามความคุ้มครอง
  2. กรณีความเสียหายอยู่ราว 40 – 50% ของราคารถ : กรณีนี้ก็ขอเคลมประกันได้เช่นกัน แต่สิ่งที่จะต้องทำก็คือ พยายามนำรถไปซ่อมกับอู่ที่อยู่ในสังกัดของบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่คุณทำไว้ กรณีนี้จะต่างกับกับข้อ 1 ตรงที่ ข้อ 1 หากซ่อมอู่นอก ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องสำรองจ่าย คุณอาจจะพอรับมือไหว แต่ถ้าความเสียหายมากถึงครึ่งหนึ่งของราคารถ การซ่อมอู่นอกแล้วต้องสำรองจ่ายไปก่อนนั้นคงเป็นภาระที่หนักอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ซ่อมตามอู่ที่อยู่ในสังกัดบริษัทประกันจะดีกว่า

หมายความว่าหากรถเสียหายซึ่งประเมินแล้วว่า ค่าซ่อมไม่เกิน 70% ของราคารถ ให้คุณขอเคลมประกันตามปกติได้เลย

สรุปว่าหากเกิดอุบัติเหตุรถชน รถคว่ำ รถไฟไหม้จนรถเสียหาย ประเมินค่าซ่อมแล้ว 70% แน่ ๆ ก็ขอให้คุณตัดสินใจขายรถนั้นเป็นซากรถกับบริษัทประกันและขอเงินทุนประกันภัยรถยนต์ที่ทำไว้คืนจะดีกว่า แม้ว่าคุณจะรักรถคันนั้นแค่ไหน แต่ในเมื่อเกินเยียวยา ก็ควรจะต้องตัดใจและควรจะเลือกเงินก้อนไว้ก่อน อย่างน้อย ๆ จะได้มีเงินสำหรับไปออกรถคันใหม่ ซึ่งดูจะเป็นการตัดสินใจที่ดีและมีความคุ้มค่ามากกว่านั่นเอง